อ้างอิงจากโพสที่แล้ว ท่านสมาชิก แฟนเพจ ได้ติดต่อเข้ามาสอบถามกัน เรื่องฟ้องขอเงินคืน อุ่นหนาฝาคั่ง กับพี่ๆ อาจารย์ทนายความของเรา พร้อมส่งรูปโฆษณาของเพื่อนร่วมอาชีพ ที่กล้าการันตี 100% กันทีเดียว (แอดฯ ขอไม่เอามาลงให้ดู เดี๋ยวมีเรื่องกินมาม่ากัน !^^)
แอดฯ ก็สงสัย เช่นกัน เลยไปนั่งจับเข่า แยกโต๊ะมีม่านพลาสติกโครงท่อประปา คั่น (ตามนโยบายรักษาระยะห่างของรัฐ) คุยกับท่านอาจารย์ และพี่ทนายความ เอาเป็นว่า ภาษากฏหมายฟังแปลไทย เป็นไทย แอดฯ ขอแปลสรุปตามความเข้าใจของแอด เพื่อเป็นข้อมูล เล่าสู่กันฟัง ดังนี้
ที่บอกว่า 100% น่ะ เกือบใช่ กรณีที่เป็นคดีผู้บริโภค แต่ถ้าไม่ใช่ ต้องดูกันรายเคส ซึ่งคำถาม อะไร คือคดีผู้บริโภค ? และอะไร ที่ไม่ใช่ คดีผู้บริโภค?
คดีผู้บริโภคในคอนโด อสังหาฯ คือ เราซื้อคอนโด บ้าน หรืออสังหาฯ เพื่อเป็นเจ้าของ ต้องการอยู่อาศัย ให้ลูก ให้หลานอาศัย อย่างนี้ ผู้บริโภคแน่ๆ แต่กรณีที่ซื้อเพื่อทำธุรกิจ ลงทุน จะไม่ใช่นะครับ กลายเป็นคดีฟ้องแพ่ง ทำไป ไม่ดูตาม้าตาเรือ อาจยื่นเรื่องผิดศาลได้
อะไร คือ ซื้อเพื่อทำธุรกิจ ลงทุน? และดูยังไง? จากประสบการณ์ของแอดฯ ที่ทำอสังหาฯ และเคยขาย ระดับเหมาทั้งโครงการ ขออธิบายจากประสบการณ์ ดังนี้ (คือ ไปเอาตามข้อตามกฏหมาย บอกตรงๆ แอดฯ ก็งง ให้อธิบายตั้งนาน ดังนั้น ขออธิบายตามที่ แอดฯเข้าใจ อยากฟังภาษาที่ 2 กรุณา Inbox ถามท่านทนายกันเอาเอง 555)
จุดประสงค์ของการซื้อ เพื่อทำธุรกิจ หรือลงทุน คือ เอาไปขายต่อ ทั้งขายทรัพย์ หรือขายสัญญา, หรือ เอาไปปล่อยเช่าเป็นอาชีพ
ตัวอย่างจริง ลูกค้าแอดฯ 3 คน ลงขันกันซื้อคอนโดทั้งหมด 110 ห้อง เฉลี่ยคนละ 30-40 ห้อง เหมาหมดอาคาร เพื่อเอาไปทำปล่อยเช่า แต่เวลากู้ เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย เลยต้องหาธนาคารเกือบหมดประเทศ มาเซ็นสัญญากู้กันวันเดียว (สนใจวิธีการ หลังไมค์ได้) จุดประสงค์ชัดเจน คือ เพื่อทำธุรกิจปล่อยเช่า
อีกตัวอย่างที่เป็นเรื่องปกติเลยในวงการอสังหาฯ บางรายวางเงินจองทั้ง floor เพื่อเอาไปขายสัญญาต่อ เมื่อมีคนซื้อค่อยไปเปลี่ยนสัญญา กรณีนี้ มีเยอะครับ โดยเฉพาะลูกค้า agent จีนที่เข้ามาตกทองในบ้านเรา ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีหลาย developer ใช้วิธีบังคับให้ agent วางเงิน 2-3 floor เพื่อเป็น sole agent ขายต่างประเทศ คนไทยก็มีเหมือนกัน แบบนี้ จองห้องทำเลสวยๆ เก็งกำไรขายต่อสัญญา ในบางกรณี สัญญาที่ทำรายห้องจะอยู่ในรูปบริษัท
ทั้ง 2 ตัวอย่างนี้ เห็นได้ชัด ที่จะไม่ใช่คดีผู้บริโภค หากมีการฟ้องร้องขอเงินคืนเกิดขึ้น แอดฯไม่ได้บอกว่า จะไม่ได้คืน แต่วิธีการดำเนินการทางกฏหมายต้องลงรายละเอียด สัญญา และข้อเท็จจริงมากขึ้น ซึ่งทีมทนายเรามีประสบการณ์อยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้ ลูกค้าชาวจีนที่เดินทางมาไทยไม่ได้ ซื้อลงทุนกันเยอะแยะ ยิ่งเจอ developers ลดกระหน่ำอีก มีให้ตั้งเรื่องกันเพียบ
การที่ลูกค้าทำสัญญาจะซื้อจะขาย 1-2 ห้องเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าตั้งแต่ 3 ห้องขึ้นไป หรือเหมาหมดทั้ง floor ไปเป็นชื่อลูกค้าคนเดียว มันชี้ให้เห็นเกือบชัดเจนว่า จุดประสงค์ เพื่อทำธุรกิจแน่ๆ บอกศาลไปว่า คนขาย อมพระประธาน มากล่อมให้ซื้อ เพื่อไปอยู่เอง แจกญาติ แจกลูก แจกหลาน เพื่อให้เป็นคดีผู้บริโภค ก็ต้องเหนื่อยกันหน่อย เผลอๆจะเจอย้อนศรด้วย (! – -)
ดังนั้น เราๆท่านๆที่เป็นผู้บริโภค สบายใจกันได้ แต่สำหรับนักลงทุน แนะนำให้คุยรายละเอียด ตามข้อเท็จจริง ให้กับทนายฟัง อย่าได้ปิดบัง เขาจะได้หาช่องทาง วิธีดำเนินการที่เหมาะสมให้กับท่านได้ เดี๋ยวเจอนักกฏหมายขาดประสบการณ์ พาซื่อ ว่าตามที่ท่านเล่ามา ว่าโดนหลอกขายยกเข่ง เรื่องจะไปกันใหญ่