ไป สคบ. vs จัดจ้าง ทนายความ?

🎈🎈🎈 กรณี ต้องการเงินคืน จองทำสัญญา ดาวน์คอนโด หรือจัดสรรแนวราบ 🤔🤔🤔

เนื่องจาก สมาชิก จำนวนมาก ให้ความสนใจติดต่อเข้ามาสอบถาม การเรียกร้องขอเงินคืนจากผู้ประกอบการ หรือผู้พัฒนาโครงการจัดสรร ซึ่งทางทีมงาน ทนายบ้าน และคอนโด ให้คำปรึกษาเบื้องต้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด 😊😊😊

เป็นหน้าที่ของทนายความ ผู้ยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพ อย่างเคร่งครัด ที่จะไม่ยุแยงให้เกิดการฟ้องร้องเพื่อผลประโยชน์ หรืออวดอ้างศักดาภินิหาร ถึงความสามารถ บารมีของทนาย ที่จะทำให้ชนะคดีได้ ทีมทนายบ้าน และคอนโด ต้องอธิบายให้ลูกความ เข้าใจถึงรูปการณ์แห่งคดี และทางเลือกอื่นๆของผู้ที่เข้ารับการปรึกษา อย่างชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่ง คือ แนวทางทางเลือก ที่จะไปสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือ การจัดจ้างทนายความ ซึ่งเป็นที่มาของหัวข้อที่ แอดฯ ขอเอานำมาอธิบาย สไตส์ Process engineer วันนี้ (อ้าว…เฮ้ย มาไง??? ก้อภาษากฏหมาย มันยากนี่ เอามันง่ายๆ นี่ล่ะนะ 😅😅😅)

ขออธิบายแบบสรุป ถึงหน้าที่ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ คือ คนกลางของรัฐที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย ระหว่าง ผู้พัฒนาโครงการ และ Developer ถ้าไม่สำเร็จ จนแล้ว จนรอด จะทำหน้าที่ดำเนินคดี ฟ้องศาลแทนเรา ข้อดีของทางเลือกนี้ คือ “ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย” คุณไม่จำเป็นต้องมีทนายความ แต่ปัญหาความปวดตับ ที่เจอกันประจำ คือ

  1. กระบวนการ ช้า ไม่ทันใจ ดูได้ จากภาพ Workflow ของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ที่แอดฯแนบมา จะเห็นว่า คอขวด ฺBottle neck ที่เป็นจุดที่ใช้เวลามาก คือ ช่วงการพิจารณา กว่าจะเรียกมาคุย กว่าจะส่งเรื่องขึ้นศาล บางที หมดเวลากันเป็นปี ก็เคยเห็นมาแล้ว นึกถึงขึ้นมาเลย ที่ว่า “ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม”
  2. ไม่มีอำนาจบังคับผู้ประกอบการ เรียกให้มา ก็ไม่มา เพราะ developer รู้ว่า เสียเวลา หลายๆครั้ง developer วานให้ สคบ. คุยกล่อมลูกค้าให้เลย ว่ากันยาวๆ (ปรากฏมาหลายครั้ง นัดเรียกไม่มา ปล่อยให้เราไปเก้อ เจอเจ้าหน้าที่มาช่วยกล่อมแทนด้วย ยอมๆไปเถอะ ต่อรองเอาเท่านี้ล่ะกัน เราเสียเปรียบ เสียเวลา เรื่องมันเยอะ ฟังแล้ว แอดฯเหนื่อยแทน 😥)
  3. Developers ไร้ ซึ่งความเกรงใจใดใด นอกจากไร้อำนาจบังคับให้มาเจรจา ผู้บริหารของ developers หลายราย ยังไปนั่งในบอร์ดที่ปรึกษา ทั้งที่เคสของบริษัทตัวเอง มีจำนวนยืนหนึ่งเลย ทีเดียว (สมควร หรือไม่? แถมมีออกสัมภาษณ์ในฐานะที่ปรึกษา สคบ. ด้วย ว่า ผู้บริโภคทำผิดสัญญา สมควรถูกยึดเงินทั้งหมด เอาเข้าไป 🤔🤔😅)
    หลายครั้ง ลูกค้ามีเรื่องกับโครงการ หรือฝ่ายขาย ประกาศกร้าวกลางสำนักงานขาย “ฉันจะไป สคบ.!!! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด” ฝ่ายขาย ผู้บริหาร แอบอมยิ้มมุมปาก ตอบกลับนิ่มๆ “ก็เป็นสิทธิของลูกค้าที่จะไปดำเนินการ” หาได้มีความเกรงกลัวใดใดไม่ เรื่องจริง คือ ผู้พัฒนาโครงการไม่มีใครเกรงกลัวเลย เชิญเสียเวลา ไม่เกี่ยวกับฉัน มีฝ่ายกฏหมายบริษัทเอาไปดึงเรื่องต่อเอง
    บอกตรงๆ แอดฯ รู้สึกสงสารลูกค้าจับใจ เขาไม่รู้ว่า กำลังไปเจออะไร 🥺🥺 ต้องใช้ความอดทน ขนาดไหน? สมาชิกหลายท่านที่ไป สคบ. มาแล้ว มาปรึกษาเราด้วยสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ เล่าให้ฟังทั้งอารมณ์ ทั้งน้ำตา (ต้องขออภัย หาก เราฟังแล้วไม่อิน ดูเฉยๆ เพราะหนังซ้ำครับ เจอมาเยอะ เรื่องเดิมๆ😅😅😅 )
    🎈🎈🎇ในทางกลับกัน หากกรณีนี้ การจัดจ้างทนายความ สิ่งที่คุณควรได้รับ คือ
  4. ความรวดเร็ว แทนที่จะค่อยๆส่งหนังสือนัด แล้วเบี้ยปรับเดินต่อเรื่อยๆ ทางทีมทนายจะยื่น “หนังสือบอกเลิกสัญญา” ให้ เพื่อหยุดอายุความ นับความเสียหาย ให้เวลา 7-14 วัน เพื่อให้เวลาผู้ประกอบการนัดคุย ดูจาก Flow chart จะย่นเวลาผ่านเรื่อง สคบ. ทั้งหมด หากไม่มีการตอบกลับ หรือเจรจาไม่บรรลุผล ทางทีมทนายจะดำเนินการยื่นคำฟ้องศาลให้แทนทันที ซึ่ง เวลานัดหมาย แล้วแต่ศาล (เนื่องจาก ช่วงโควิด อาจใช้เวลามากขึ้น ช่วงนี้)
  5. ไม่ต้องปวดหัว ปวดตับ คุยกับโครงการเอง มีคนกลั่นกรองให้ก่อน ไม่ให้เราเสียเปรียบ มีคนทำ รวบรวมเอกสาร เขียนคำฟ้องให้เสร็จ ฝ่ายขายโทรมากล่อม ไม่ต้องรับ โยนคุยกับทนาย

เพิ่มเติมอีกข้อ ทนายความ ต้องรักษาสิทธิ และความเป็นส่วนตัวของลูกความ ไม่เอาลูกความโชว์ออกสื่อ ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด โดยไม่จำเป็น เหมือนอยากโฆษณา แสดงตัวอย่างความสำเร็จ ประหนึ่ง เคสศัลยกรรมความงาม หรือ เย้ย คู่กรณี ไม่ว่า ทางตรง หรือทางอ้อม ซึ่งอาจทำให้เกิดเรื่องฟ้องร้องกันภายหลังได้ เห็นหลายเคส ทั้งโชว์เช็ค ลายเซ็นผู้บริหาร ถ่ายรูปกับสถานที่ ถึงจะพยายามเซ็นเซอร์บางส่วน แต่อย่างไร ก็มีคนรู้ อย่างน้อย ก็คู่กรณีล่ะนะ หลายครั้งมีบอกใบ้โครงการ ถ่ายเอกสารโครงการ (ติดชื่อมาด้วย 😐 ) เหมือนอยากบอกให้คนอื่นๆ ที่ซื้อโครงการเหมือนกัน ให้มาเป็นลูกความ เป็นลูกค้ายื่นฟ้อง อย่างนี้ แอดฯ ว่า น่ากลัวอยู่นะครับ ขอให้พิจารณาดีๆ 🤔🤔🤔

เคสการเรียกร้องเอาเงินคืน ไม่ใช่เคสยาก เป็นมาตรฐาน มีเพิ่มเติมรายละเอียดนิดหน่อยตามแต่ละสัญญาผู้ประกอบการ (บางรายเลี่ยงบาลี สัญญาแบบมาตรฐาน ด้วยสัญญาแนบท้าย) แต่จบไม่ค่อยแตกต่างกัน เพราะมีฏีกาอยู่แล้ว ต่างกันที่ “ความเร็ว” ในการเดินเรื่องให้กระชับ และถูกทาง 🙂🙂🙂 เอาจริงๆ ในความเห็นของแอดฯ ความรับผิดชอบของทนายความจะมีความสำคัญ ที่จะติดตามเรื่องได้ รวดเร็ว

แอดฯ อยากบอกว่า เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เกิดความเสียหาย หนทางบรรเทาความเสียหายนั้น นอกจาก เรื่องเงินๆทองๆแล้ว ความเสียหายที่มี อาจเกิดขึ้นกับจิตใจ และคนรอบข้างเราด้วย ซึ่งแอดฯ อยากให้พิจารณาเลือกหนทางทางเดินที่ถูกต้อง เหมาะสมกับเรา และครอบครัวของเรา 🙂🙂🙂 ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

💖💖💖 ทนายบ้าน และคอนโด 💖💖💖
“ดูแลคุณด้วยใจ ปกป้องสิทธิให้คุณด้วยกฏหมาย”

Scroll to Top